โดยคอนเสิร์ตนี้ได้สร้างปรากฏการณ์ เปิดขายวันแรกได้เพียง 9 นาที ก็ “SOLD OUT” อย่างรวดเร็ว ทั้ง 2 รอบ เป็นความสำเร็จทั้งจำนวนผู้ชม และเสียงตอบรับที่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “โปรดักชั่น” สุดอลังการ แสง สี เสียง และเอฟเฟกต์จัดเต็ม รวมถึงการออกแบบเวทีที่ทำเสมือนแคทวอล์คผ่ากลางเพื่อทำให้ผู้ชมได้ใกล้ชิดและสัมผัสประสบการณ์ความสนุกผ่านโชว์และเสียงเพลงได้อย่างทั่วถึง

ซึ่งหากวิเคราะห์ถึงความสำเร็จในครั้งนี้ ต้องบอกว่า “LOVEiS ENTERTAINMENT” ภายใต้การบริหารของ “จี๊บ - เทพอาจ กวินอนันต์” CEO ของค่ายได้ใช้กลยุทธ์การทำ “Music Marketing” เพื่อผลลัพธ์อันยอดเยี่ยม เริ่มตั้งแต่การปูพื้นคอนเทนต์ที่สร้างการรับรู้ให้แฟนๆ ด้วยการใช้ฐานแฟนที่มีกำลังจ่ายเป็นผู้สร้างกระแสในกลุ่มแฟนคลับ ทำให้วันที่เปิดขายบัตรเหล่าแฟนด้อมที่ตั้งตารอกดซื้อบัตรจนหมดอย่างรวดเร็ว เทียบเท่าศิลปินต่างประเทศที่มาเปิดคอนเสิร์ตในไทย

และในวันแสดงคอนเสิร์ต “LOVEiS ENTERTAINMENT” ก็สร้างประสบการณ์ (Experience) สุดพิเศษให้กับผู้ชม ภายใต้คอนเซปต์ที่เรียกว่า “LOVEiS ใส่ใจ” ที่ให้ความสำคัญกับผู้มาร่วมงานคอนเสิร์ต ถือว่า “แฟนเพลง” เป็นคนพิเศษที่สนับสนุนศิลปิน “ใส่ใจ” เข้าใจความรู้สึกของผู้ชมที่เดินทางมาชมคอนเสิร์ตและต้องเผชิญกับอากาศที่ร้อน การจราจรที่หนาแน่น เลย “ตั้งใจดูแล” ให้แฟนเพลงมีความสุข ตั้งแต่มาถึงงานจนจบคอนเสิร์ต “พี่จี๊บ” ได้ชวนศิลปินในสังกัดและค่ายเพลงย่อย จากค่าย marr , PROM+ , HOLYFOX , LIT ENTERTAINMENT , LABo , kiddorecords , JUICEY มาร่วมแจกสติกเกอร์และปฏิทิน Limited Edition ที่ไม่มีขายที่อื่น ให้แฟนๆได้รู้สึกพิเศษและคุ้มค่าที่ได้มาร่วมในคอนเสิร์ตครั้งนี้

ซึ่งในส่วนของพาร์ทการแสดงบนเวที “นนท์ ธนนท์” ก็สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมในทุกๆ โชว์ โดยผู้จัดงานเองก็ตั้งใจให้คอนเสิร์ตนี้มีความแปลกใหม่ ให้มีความวาไรตี้ของโชว์ มีทั้งการร้อง การแสดง รวมไปถึงทอล์คโชว์ ซึ่งถือว่าเป็นรูปแบบใหม่ที่ไม่มีในคอนเสิร์ตอื่น มีหลายอรรถรส หลายอารมณ์ ถูกใจผู้ชมจนคอนเสิร์ตติดเทรนด์ในโลกโซเชียลเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังสร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับผู้ชมด้วยแขกรับเชิญ 2 วันที่ไม่ซ้ำกัน ทั้ง “พีพี กฤษฏ์” ในรอบแรก และ “โบกี้ไลอ้อน” ในรอบที่สอง เป็นการสร้างประสบการณ์ (Experience) ที่ทำให้ผู้ชมลุ้นและคอยติดตามในทั้ง 2 รอบ 2 วัน

และที่ถูกพูดถึงกันมากที่สุดก็คือในช่วงจบคอนเสิร์ต “จี๊บ เทพอาจ” CEO รวมถึงทีมงานของ “LOVEiS ENTERTAINMENT” ยังเพิ่มเอเนอร์จีของความสุขให้ไม่ดรอป โดยการแจกลูกโป่ง “รักนะ” ส่งผู้ชมให้กลับบ้านแบบถึงรถ เป็นการตอกย้ำ Music Marketing ที่เป็นการใช้เพลงเป็นเครื่องมือในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น มีอารมณ์ร่วม (Emotional) และ ความชัดเจน ของความเป็นแบรนด์ที่เพิ่มมากขึ้น เรียกว่าความสำเร็จในคอนเสิร์ตใหญ่ของ “นนท์ ธนนท์” ครั้งนี้ เป็นการใช้กลยุทธ์การตลาด Music Marketing ที่เห็นผลได้ชัดเจน เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายผ่านคอนเทนต์ที่สื่อสารได้ตรงใจ เพราะดนตรีนั้นเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับผู้ฟังมาทุกยุคทุกสมัย และ “LOVEiS ENTERTAINMENT” ก็ได้ทำให้ดนตรีมาเชื่อมโยงถึงแฟนเพลง-แฟนคลับ ผ่านทางเสียงเพลง